วันนี้ผมมานั่งเขียนบล็อคอีกครั้ง นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ สมัยทำธุรกิจเครือข่าย และเลิกทำไป เพราะอะไร ผมถึงหวนกลับมาทำอีก ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ย้อนกลับไปเมื่อ 1 สัปดาห์ที่แล้ว ประมาณวันที่ 2 ธันวา ก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนผมคนนึง โทรมาสองครั้งและผมไม่ได้รับสาย ผมแปลกใจที่เพื่อนคนนี้โทรมาหา
คิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจเครือข่าย เพราะล่าสุดที่เราได้คุยกัน เป็นเรื่องที่เราจะทำเวปของคลับรถ เพื่อจะขายโฆษณากัน
แต่ผมต้องเล่านิดนึง ว่าเราจะทำเวปนี้ร่วมกันเพราะอะไร
อย่างแรกเลย เพราะผมเป็นเซลส์ขายรถโตโยต้า อย่างที่สองผมขายอะไหล่ตกแต่งรถและสุดท้าย ผมมีช่องทางในการรับซื้อและขายรถมือสองครับ
เลยพอมี connection ในด้านนี้พอสมควร
ผมและดิว (ชื่อเพื่อนคนนี้) เลยได้นัดคุยกันเรื่องนี้ครับ
จบเรื่องความสัมพันธ์เบื้องต้นแล้ว หลังจากผมเห็นสายที่โทรเข้ามา ผมจึงโทรกลับไป จนได้คุยกับดิวและทราบว่าดิวโทรมาเพราะอะไร ดิวจะโทรมาเล่าให้ผมฟัง
ว่าตอนนี้ทอม ซึ่งเป็นเพื่อนของดิว (ธเนศ ลีลาภรณ์) และคุณนุ้ก ธนสิทธิ์ ลาออกจากเอมสตาร์แล้ว ตอนนี้ไปทำในอีกบริษัทที่ชื่อว่า SOL (โซล)
ส่วนสาเหตุว่าออกเพราะอะไร ผมคงยังไม่ลงดีเทลในตอนนี้นะครับ
หลังจากที่ผมฟังดิวพูด ผมเกิดความงุนงงปนสงสัย ว่าทำไม Founder ของ Clover Group และ Together Group จึงพร้อมใจกันออกมา
ทั้งๆ ที่เค้าทั้งสองคนมีรายได้มากพอที่จะหยุดทำงานแล้ว (7 หลักต่อเดือน) ผมจึงใคร่อยากรู้และอยากคุยกับคุณทอม จึงขอให้ดิวนัดให้
และในวันที่ 4 ธันวา ผมจึงเข้ามาที่ตึกเทรนดี้ สุขุมวิท 13 (เป็นเซ็นเตอร์หรือที่จัดประชุมย่อยของ Clover และ Together) พอมาถึง
ผมได้มีโอกาสเจอกับน้องเต้ อร่าม (ผู้นำคนนึงในโคลวเวอร์กรุ๊ปรายได้ 6 หลักต่อเดือน) ผมได้คุยกับน้องคนนี้อีกครั้งหลังจากไม่เจอกันประมาณ 3 ปี
น้องเค้าได้เลาเรื่องราวของ SOL ว่าบริษัทเป็นยังไง มีรูปแบบการจ่ายผลตอบแทนเป็นยังไง สินค้าที่บริษัทจำหน่ายคืออะไร แล้วทำไมเราถึงออกมา
ทำไมถึงเลือกที่นี่ พอผมได้ฟังและสอบถามถึงสิ่งที่ผมสงสัย ผมจึงเข้าใจว่าทำไม และหลังจากนั้น ผมได้คุยกับคุณทอมและสอบถามสิ่งที่อยู่ในใจผมอีกรอบว่าทำไม
พอกลับมาบ้าน ผมนั่งครุ่นคิดและวิเคราะห์ รวมถึงดูข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดอีกที ผมนึกถึงช่วงสองถึงสามเดือนที่ผ่านมา ผมถูกชักชวนจากเพื่อน รุ่นน้องและรุ่นพี่
ให้ทำธุรกิจเครือข่ายจากทั้ง Unicity และ Organo Gold ผมคิดว่าผมอาจไม่กลับมาทำอีกแล้ว แต่ลึกๆ ผมรู้สึกว่าผมยังอยากทำแต่ไม่ใช่เวลานี้
ก่อนหน้านี้ผมได้อ่านหนังสือเล่มนึงของคุณพอล ภัทรพล ชื่อหนังสือว่า "เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร" ในหนังสือได้บอกเล่าเรื่องราวของการทำงาน การเติบโตของ
ตัวคุณพอล การเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไม่ง่าย รวมถึงการสร้าง Passive Income (รายได้ที่ไหลเข้าตลอดแม้ว่าเราไม่ได้ทำงานแล้ว) ในหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผลจากหุ้นปันผลพื้นฐานดี (ไอดอลเรื่องนี้คือ ดร.นิเวศน์ เป็น Value Investor เบอร์หนึ่งของเมืองไทย) หรือธุรกิจที่มีคนทำงานแทนเรา
รวมถึงธุรกิจเครือข่ายด้วย มันเหมือนโดนกระตุ้นครับ ทำให้ผมอยากกลับมาสร้างท่อเงิน เพื่อให้มีเงินไหลเขามาให้ในกระเป๋าผมตลอดเวลา ประจวบกับที่ดิว
โทรมาเล่าเรื่องราวให้ผมฟังพอดี
หลังจากที่ผมคิดอยู่อีกสองวัน ผมตัดสินใจ ว่าผมจะกลับมาทำธุรกิจเครือข่ายอีกครั้ง และครั้งนี้ผมจะทำเต็มที่เท่าที่ทำได้ ทำให้สุดเหยียดให้เท่ากับความเชื่อที่ผมมี
ว่าผมจะสำเร็จได้
วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2556
ผมไป House meeting สินค้าครั้งแรกที่บริษัท (อยู่แถวซอยปรีดีพนมยงค์) ผมได้เจอน้องท้อด น้องเต้ น้องวิทย์และคนอื่นๆ บรรยากาศเดิมๆ เริ่มกลับมา
ผมเริ่มทวนความจำ วิธีการ เทคนิคการพูด การสร้างแรงบันดาลใจ ผมเริ่มรู้สึกว่าได้กลับมาทำธุรกิจอีกครั้ง วันนี้ผมได้มาเก็บความรู้เรื่องสินค้า และการสร้่งองค์กรที่มีการ
เตรียมการสำหรับทริปแรกคือทริปญี่ปุ่น ซึ่งมันง่ายมากในความคิดของผม ผมมองว่าสิ่งที่น้องเต้ถ่ายทอดออกมา ทำให้ทีมงานทุกคนรวมทั้งผมเห็นภาพอย่างชัดเจนขึ้น
วันอังคารที่ 10 ธันวาคม 2556
ผมไปเซ็นเตอร์อีกครั้ง ครั้งนี้มีนัดกับดิวและทอม เรื่องการวางผังองค์กรต่อไป ทอมพูดให้ผมนึกถึงผู้นำที่จะมาช่วยเราคุมทีม ช่วยเราจัดองค์กรได้ ผมนึกถึงน้องคนนึง
น้องคนนี้จบที่จุฬา ที่บ้านทำธุกิจการ์เม้นท์ที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทย ผมเคยคุยกับน้องเรื่องนี้เมื่อสาม-สี่วันที่แล้ว น้องยังไม่ตกลงเพราะติดอะไรบางอย่าง
ผมคุยกับน้องทางไลน์อีกครั้ง และน้องตัดสินใจที่จะมาคุยกับผมและทอมที่เซ็นเตอร์ในวันพรุ่งนี้ (11 ธันวา 2556) เพราะเซ็นเตอร์กลุ่มผม จะจัดทกวันพุธครับ
และในวันพุธนี้ ผมได้พยายามชวนเพื่อนๆ น้องๆ พี่ๆ ที่รู้จักกัน ที่เคยทำงานร่วมกัน มาฟังโอกาสทางธุรกิจนี้อีกครั้ง ผมเชื่อว่าคนที่ผมชวนมา จะมีโอกาสสำเร็จไปพร้อมกับผม
อย่างแรกเลย ผมอยากพาทุกคนไปญี่ปุ่นด้วยกัน และผมอยากไป 2 ที่นั่ง เพราะที่นี่ ทำแบบนั้นได้ครับ ผมคิดและแพลนไว้ ว่าใครจะไปกับเราบ้าง วันนี้ผมนั่งคิดเรื่องนี้และ
เขียนบล็อคขึ้นมา เพื่อเตือนความจำและถ่ายทอดวิธีคิดของผมลงไป เย็นนี้จะเป็นเช่นไร ผมจะมาอัพเดทอีกทีครับ