การสร้างเครือข่ายไม่ใช่วิธีที่ทำให้รวยได้ภายในพริบตา แต่เป็นธุรกิจที่สะสมความสำเร็จไปได้ทุก ๆ วัน โดยเน้นการลงทุนต่ำ อัตราการเสี่ยงน้อย และใช้สินที่มีคุณภาพดีควบคู่ไปด้วย
ลงทุนต่ำ คือ เท่าไหร่ แล้วเราจะได้อะไร ? เป็นเรื่องปกติถ้าผมจะบอกว่าใครที่ผมจะแนะนำให้เอาเงินมาลงทุน 3000 บาทกับธุรกิจเครือข่าย เค้าก็คงไม่อยากจะร่วมด้วยนักนั่นเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องปกติที่คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้อะไร แต่ถ้าผมบอกว่า คุณเอาเงินมาลงทุน 3000 บาท แล้ว 6 เดือน - 1 ปี คุณได้รับเดือนละ 1 แสนบาทขึ้นไปแล้วได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แบบนี้คงดูน่าสนใจนิด ๆ แล้วใช่มั้ยครับ การลงทุนของบริษัทแค่ซื้อของใช้เข้าบ้านครั้งนึง ประมาณ 3000 บาท ครั้งเดียว เพื่อลองสินค้าจากบริษัทว่าดีจริงๆ ก็สามารถเริ่มธุรกิจจากบริษัทนี้ได้แล้ว สินค้ามีทุกประเภท ตั้งแต่ กระดาษซับมัน ยาสีฟัน แชมพู สบู่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ หรือชุดลดน้ำหนัก สินค้าเป็นสินค้าที่ดีจริงๆ คุณที่ใช้จะเห็นผลและมีความประทับใจเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นการลงทุนที่ต่ำมาก เพราะเราแค่เปลี่ยนของยี่ห้อเดิมที่ใช้อยู่ มาลองใช้ผลิตภัณฑ์จากบริษัทเท่านั้นเอง ทีนี้ลองเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ที่จะต้องลงทุน เอาเป็นขายก๋วยเตี๋ยวแล้วกัน คุณจะต้องหารถเข็นสักคัน เก้าอี้ โต๊ะ ชาม ตะเกียบ รวม ๆ ผมว่าน่าจะเกิน 3000 บาทแล้วนี่ยังไม่รวมค่าเส้นก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้น อื่นๆ อีกมากมาย เพื่อที่จะเริ่มขายเพื่อเอากำไรต่อไป สุดท้าย คุณเสียเงินไปสักประมาณ 15000 บาท เพื่อเริ่มขายก๋วยเตี๋ยว เดือนแรกคุณขายได้กำไร 5000 บาท แสดงว่าคุณอาจจะต้องใช้เวลา 3 เดือนในการคืนทุนและเดือนที่ 4 ถึงจะเป็นกำไรจริง ๆ หลังจากการลงทุน เช่นเดียวกันธุรกิจเครือข่ายครับ มันต้องใช้เวลาในการคืนทุน แต่ส่วนใหญ่คนที่ล้มเหลว จะล้มเลิกไปเองมากกว่า
ทีนี้ผมอยากให้คุณลองเปรียบเทียบว่า ถ้าคุณทำงานได้เงินเดือน เดือนละ 20000 บาท คุณทำเป็นเวลา 30 เดือน (ประมาณ 2ปี ครึ่ง) คุณจะได้รับรายได้ รายได้ทั้งหมด 20000 x 30 = 600,000 บาท นี่คือรายได้ทั้งหมดที่คุณจะได้จากการทำงานประจำ ทีนี้เป็นรายได้ที่คุณจะได้รับจากธุรกิจเครือข่าย เดือนแรกคุณทำเงินจากธุรกิจเครือข่ายได้ 1 บาท คุณว่ามันดูน้อยมั้ยครับ .... ใช่ครับ มันน้อยมาก แต่ที่คนทำธุรกิจเครือข่าย เค้ามองเห็นความสำเร็จมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่อยู่ที่ในเวลาต่อมาตะหากเดือนต่อมา เค้าเริ่มสร้างเครือข่ายด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ดีเลิศจากบริษัท ทำให้เค้าได้รับรายได้ 2 บาทในเดือนที่ 2 เค้าทำต่อเนื่องในเดือนที่ 3 ได้รับ รายได้ 4 บาท จากการที่เพื่อนของเค้าได้บอกต่ออีก คนละ 2 คนทำต่อเนื่องเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในเดือนที่ 30 เค้าจะได้รับ 536,870,912 บาท (คุณเชื่อหรือไม่ ลองกดเครื่องคิดเลขดูนะครับ^^) อันนี้ผมยกตัวอย่างตัวเลขที่น้อยมาก ๆ จาก 1 บาท เพราะถ้าทำจริง ๆ มันก็คงไม่ใช่ 1 บาทแน่นอน
นี่แหละครับคือ พลังของการทำงานแบบเครือข่าย ยังจำได้มั้ยครับ ว่าคุณแนะนำไปทั้งหมดกี่คน ในเดือนแรก ........... 2 คนเท่านั้นครับดังนั้นคุณคงจะเริ่มเข้าใจบ้างแล้วว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นงานสะสมความสำเร็จอย่างไร แน่นอนครับ มีคนทำธุรกิจเครือข่ายได้สำเร็จเร็วกว่านั้น ไม่ต้องใช้เวลา 30 เดือนหรอก คุณจะเห็นหลักแสนแน่ๆภายใน 6 เดือน - 1 ปี (ถ้าคุณลองกดเครื่องคิดเลขดูจะรู้ว่าเงินถึงหลักแสนในเดือนที่ 17 คืออย่างช้าจริงๆคุณจะได้รับรายได้หลักแสนภายใน 1 ปีครึ่ง) ถ้าคุณรุ้ว่าธุรกิจเครือข่ายสามารถสร้างรายได้มหาศาลให้คุณได้จริงๆ และคุณลงมือทำทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตามระบบของบริษัทบางคนอ่านถึงตรงนี้ ก็จะบอกว่ามันจะเป็นไปได้หรอ ถ้าเราทำแล้วคนอื่นไม่ทำ เราจะได้รับหลักแสนแบบนี้ได้ยังไงคำตอบคือ การที่ผมอธิบายให้ผู้ที่อ่านอยู่ได้มีความรู้เพียงพอว่าธุรกิจเครือข่ายสามารถให้อะไรได้มากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีเลิศใช้แล้วประทับใจ เมื่อครบ 17 เดือนจะได้รับรายได้หลักแสนโดนชวนคนเพียง 2 คนในตอนแรก และสอนให้ 2 คนนั้นเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายให้อะไรเราได้ สอนเค้าอย่างที่ผมสอนคุณให้เค้าเข้าใจถึงที่มาของรายได้ โดยลงทุนเพียง 3000 บาท นี่ยังไม่น่าสนใจและคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอีกหรอครับ คนที่เค้าปฏิเสธธุรกิจเครือข่าย ผมว่าส่วนใหญ่เนื่องมาจากเค้าไม่รู้ครับว่าธุรกิจเครือข่ายให้เงินมหาศาลแบบนี้ได้ แต่ถ้ารู้ว่ามันให้ได้ขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่ายังไง ๆ ก็ต้องทำ คงไม่มีใครที่ไม่อยากให้ตัวเองและคนที่เรารักมีชีวิตที่ดีขึ้นหรอกครับ
บริษัทเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเราเยอะแยะขนาดนี้ ? ก่อนจะตอบคำถามนี้ผมอยากให้คุณที่อ่านคิดตามผมนิดนึง คำถามมีอยู่ว่า คุณว่าดาราที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้านั้นๆ เค้าได้ใช้ของนั้น ๆ เองรึเปล่า เค้าออกมาพูดหน้าทีวีว่ามันดีอย่างนู้นอย่างนี้ คุณว่าเค้าได้ใช้จริงๆหรือ ? คำตอบคงอยู่ในใจทุกท่านแล้วนะครับ แต่บริษัทที่จ้างดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้น ต้องจ่ายเงินให้กับดาราคนนั้นที่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ แล้วรู้มั้ยว่าเค้าเองเงินที่ไหนไปจ่ายให้ดาราคนนั้น ? เงินที่เราไปซื้อของเค้าโดยคิดว่าของนั้นมันดีตามคำโฆษณาใช่มั้ยครับ ? นั่นเป็นคำตอบที่ผมจะตอบผุ้ที่สงสัยในคำถามข้อนี้ครับ บริษัทไม่ต้องเสียค่าโฆษณา หรือค่าจ้างพรีเซ็นเตอร์ดัง ๆ มาโฆษณาให้กับบริษัท แต่สินค้าที่ขายออกไปทุกชิ้นนั้น จะมีกำไรเข้าบริษัทอยู่แล้ว (เพื่อที่บริษัทจะได้เอาไปขยายกิจการและพัฒนาสินค้าต่อ ๆ ไป) และบริษัทจะแบ่งกำไรส่วนนั้นแหละครับ มาจ่ายพวกเราทุกคนนักธุรกิจเครือข่ายที่เข้าร่วมใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี และกล้าที่จะบอกต่ออย่างเต็มปากว่าใช้แล้วดี ใช้แล้วเห็นผลจริงๆ
เชื่อมั้ยครับว่า การเคลื่อนสินค้าจากบริษัทสู่ผู้บริโภคด้วยการบอกต่อ ปากต่อปาก นั้นทำการตลาดได้จริงๆ ถ้าไม่เชื่อคุณลองนึกถึงเวลาคุณเจอร้านอาหารดี ๆ สักร้านแล้วอยากแนะนำให้เพื่อนไปกินที่ร้านนี้ดูสิ หรือเราเคยเข้าไปใน social network อย่าง pantip.com/cafe ที่เวลาคนไปเจอร้านค้าดี ๆ แล้วมา review ให้ดู ไม่ว่าจะเป็นการ review ร้านอาหารอร่อย ๆ หรือจะเป็น review รีสอร์ทสวย ๆ หรือการ review ในห้องแป้ง (เรื่องการดูแลสุขภาพ ความสวยความงาม) เพราะผมก็เป็นคนนึงที่ชอบเข้าไปในบอร์ดของ pantip นั่นแหละครับคุณกำลังทำตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ร้านเค้า ทางร้านค้าได้ลูกค้าเพิ่มอีก 1คน ได้กำไรเพิ่มอีก 1 คน (แต่คุณจะไม่ได้รับ ค่าตอบแทนในการเป็นพรีเซ็นเตอร์เลยสักบาท) หลายคนอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร เราแนะนำด้วยความเต็มใจ เพื่อที่เพื่อนจะได้กินอาหารอร่อย ๆ ดี ๆ สักร้านหนึ่งที่เราบอกว่าดีนั่นแหละครับ แต่สิ่งที่ผมยกตัวอย่าง ไม่ใช่เพราะว่าการ review แบบนี้ไม่ดี มันดีมาก ๆ ครับ เพราะผมก็ชอบเข้าไปดู เข้าไปอ่าน แต่ผมอยากให้คุณคิดแบบนั้นในการทำธุรกิจเครือข่าย แค่แนะนำสิ่งที่ดีจริงๆให้กับเพื่อนก็พอแล้ว ส่วนเพื่อนคุณจะไปกินที่ร้านอาหารนั้น หรือไม่กินที่ร้านอาหารนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึงใช่มั้ยครับ?^^
ดีจริงทำไมมีแต่ ภาพแห่งความล้มเหลว ? ถ้าธุรกิจนี้ดีจริงทำไม ทำไมจึงมีคนเดินออกจากธุรกิจ ? แล้วคนทั้งโลกไม่ทำธุรกิจแบบนี้กันไปหมดแล้วหรือ ? คนสุดท้ายจะแนะนำใคร ?
ผมจะยังไม่ตอบคำถามนี้นะครับ แต่อยากให้คุณที่อ่านอยู่ช่วยกันคิดตามผมสักหน่อย หลาย ๆ คนที่อ่านอยู่อาจจะนับถือศาสนาพุทธ และพระพุทธเจ้าได้สอนไว้ว่า ให้ปฏิบัติธรรมสายกลางจนไปสู่นิพพาน คือทางออกและความสุขที่ดีที่สุด ถามว่าถ้าทุกคนเข้าใจคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าพร้อม ๆ กัน จนบวชพร้อมกันหมด แล้วเมื่อพระภิกษุตื่นขึ้นมาบิณฑบาตรตอนเช้า แล้วใครจะมาใส่บาตรให้พระ ? คำตอบอยู่ในคำถามนั้นครับ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุก ๆ คนคิดเหมือนกันหมด และทำเหมือนกันหมด และผมเชื่อว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่สิ่งที่ใช่สำหรับทุกคน แต่ธุรกิจเครือข่ายเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่จะไว้ใช้หาเงิน เงินที่ทำให้หลาย ๆ คนใช้ชีวิตสุขสบายขึ้น ถ้าคนที่เป็นเจ้าของกิจการพันล้าน เค้าก็คงไม่ทำธุรกิจเครือข่ายหรอกครับ เพราะเค้ามีเงินอยู่แล้ว แต่เค้าอาจจะสนใจเรื่องสุขภาพ เราก็อาจจะแนะนำสินค้าคุณภาพดีเลิศให้กับเขา หรือบางคนที่ได้ทำงานที่ฝันไว้ (ฝันไว้ว่าอยากจะเป็นอะไรในตอนเด็ก ๆ แล้วโตมาได้เป็นจริง ๆ) ต่อให้เป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิต เค้าเองก็สบายใจ เพราะเค้าชอบในงานที่เค้าทำ
แต่ในความเป็นจริงแล้วคนส่วนใหญ่ เค้าไม่ได้ทำงานที่ชอบ หรือถูกสังคมบีบบังคับให้ทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้ชอบ แต่จำใจต้องทำเพราะเพียงว่าให้ได้เงินเพื่อมาใช้ดำรงชีวิตประจำวัน แต่ผมเชื่อนะครับว่าถ้าคนเราทำในสิ่งที่ชอบมักจะสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองในสิ่งที่ตัวเองรัก แต่คุณเองก็เห็นใช่มั้ยครับว่า ยังมีคนที่ร้องเพลงได้เก่ง เค้าร้องเพลงและมีความสุข เค้ามีความสามารถมากกว่านักร้องบางคนที่ออกอัลบั้มแล้ว แต่เค้าก็ยังไม่ได้เป็นนักร้องอีกมากมาย แต่ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป จะร้องเพลงไปตลอดเพราะทำแล้วมีความสุข มันก็ใช่ แต่เพื่อความมั่นคงของชีวิต ก็คงต้องหาอะไรทำสักอย่างเพื่อเลี้ยงชีพ ถามว่าสุดท้ายแล้ว เรามีเงินทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือ เราทำในสิ่งที่ตัวเองชอบขณะที่ยังไม่มีเงิน ดีกว่ากัน ? และแบบไหนจะช่วยนำพาเราไปสู่ความฝันได้เร็วกว่า ?
ทีนี้ผมจะตอบคำถามด้านบนนะครับ คนที่เดินออกจากธุรกิจ ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นงานสะสม อาจเป้นเพราะคนที่ไปสปอนเซอร์ หรือเปิดโอกาสทางธุรกิจให้เค้า มีความรู้ไม่ถูกต้องเพียงพอในการดำรงธุรกิจ ซึ่งตอนไปชวนคุณมาร่วมธุรกิจเครือข่าย ก็บอกเค้าว่า "ง่าย เดี๋ยวก็ได้เงินคืน ลงทุนน้อยได้คืนเยอะ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ดูว่าการทำงานระบบธุรกิจเครือข่าย นั้นมีความง่ายมากเพียงแค่คุณก้าวสู่บริษัท ก็จะได้รับความสำเร็จแล้ว" ..... แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ตามธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อผิดหวังจากความหวังที่ตั้งไว้ตอนแรก ก็จะล้มเลิกในที่สุดเป็นเรื่องธรรมดาครับ และนอกจากนี้คนที่ผิดหวังยังนำเรื่องราวที่ตัวเองได้ประสบมา ไปเล่าต่อ เล่าสู่กันฟังจนทำให้หลายๆคนที่ยังไม่รู้จักธุรกิจเครือข่าย พอได้ยิน ชื่อนี้ ก็แหยไปตาม ๆ กัน ดังนั้นผมจะอธิบายไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นงานสะสมที่ทุก ๆ คนสามารถทำเสริมไปได้โดยไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน ดังนั้นถ้าคุณสละเวลา 5-15 ชม./สัปดาห์ ทำธุรกิจ และเรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ คุณจะเข้าใจว่าความสำเร็จจะเข้ามาหาคุณอยู่ตลอด และจะเห็นจริง ๆ เมื่อคุณลงมือทำทุกครั้ง ส่วนคนที่ทำไม่สำเร็จส่วนใหญ่ตรงนี้ถือเป็นข้อแรกเลยครับ คุณไม่ได้สละเวลาสะสมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
อีกข้อนึงและเป็นประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งคือ เลือกบริษัทผิด แผนธุรกิจที่ช่วยให้คนประสบความสำเร็จไวนั้น มีประโยชน์อย่างมาก เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่เบื่อที่จะต้องทำอะไรซ้ำ และยิ่งไปกว่านั้น ทำซ้ำแล้วยังไม่เห็นผลที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และก็จะท้อและเลิกไปในที่สุด แล้วเราจะเลือกบริษัทยังไงหล่ะที่ช่วยเราไปให้ถึงความสำเร็จ?... ผมวิเคราะห์แบบนี้นะครับ การที่คุณจะเข้าสู่บริษัทธุรกิจเครือข่ายสักบริษัทหนึ่ง ถ้าคุณไม่ได้ประทับใจสินค้า ที่เกิดการใช้เองแล้ว คุณจะไม่สามารถดำรงอยู่ในธุรกิจนี้ได้เลย และถ้าสินค้าเป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ยิ่งไปกันใหญ่ คุณคิดว่าคุณจำเป็นต้องกินอาหารเสริมทุกเดือน ที่มีราคา 2000-5000 บาท เป็นประจำมั้ยครับ? แค่คิดก็เหนื่อยแล้วที่จะต้องเสียเงินมากขนาดนั้น ขณะที่ยังไม่มีรายได้เข้ามาจากธุรกิจ แต่ถ้าเป็นการซื้อของที่ต้องใช้ เช่น แชมพู สบู่ ยาสีฟัน โลชั่น โฟมล้างหน้า ที่ต้องใช้ประจำเดือนละ 900 บาท เพื่อให้เกิดธุรกิจหล่ะ .... มันน่าสนใจกว่ามั้ยครับ คนส่วนใหญ่ที่เข้าไปในธุรกิจที่ใช้สินค้าฟุ่มเฟือยเกินเหตุ สุดท้ายแล้วก็จะหยุดใช้ และล้มเลิกจากธุรกิจ และยังบอกอีกด้วยว่าธุรกิจเครือข่ายมันก็เหมือน ๆ กันหมด ทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจเครือข่ายในเมืองไทยเสียไปเยอะเลยทีเดียว และทำให้นักธุรกิจที่ดำรงธุรกิจด้วยความถูกต้องทำงานยากขึ้นเพราะ ทุกๆคนกลัวว่าที่จะโดนหลอกไปทำธุรกิจ และเป็นเหยื่อของธุรกิจ และจะปิดโอกาสในการรับรู้ถึงธุรกิจดีๆ ตัวอื่นๆที่เข้ามา
ข้อที่ 3 คือ การลงทุนที่เยอะเกินเหตุ ธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจได้ จำเป็นต้องซื้อของก่อนเพื่อทดลองใช้ว่าดีจริงหรือไม่ (เพื่อให้คุณใช้แล้วประทับใจและกล้าที่จะแนะนำต่อแบบปากต่อปาก) ซึ่งบริษัทที่ตั้งใจจะขยายเครือข่ายผู้บริโภคจริง ๆ จะต้องมั่นใจในสินค้าที่ขายออกไป และยังกล้าการันตี คือ คืนเงินให้กับผู้บริโภคถ้าไม่พอใจในสินค้า และเงินที่ลงทุนก้อนแรกนี้ ต้องไม่เยอะเกินไป สำหรับบริษัทที่ตั้งใจจะขายสินค้าในระยะยาวแล้ว ควรจะลงทุนในหลักพัน และมีสินค้าหลากหลายให้ผู้บริโภคเลือกทดลองใช้ แต่ถ้าต้องลงทุนครั้งแรกเป็นหมื่น, 20000, 50000 หรือ 80000 โดยมีสินค้าให้เลือกใช้อยู่ไม่กี่อย่าง แล้วแบบนี้ของเราไม่กองเต็มบ้านหรอครับ แล้วใครจะเป็นผู้ใช้? แล้วจะแบบนี้จะกล้าพูดได้ยังไงว่า ธุรกิจเครือข่ายใช้เงินลงทุนน้อยค่อย ๆ สร้างเครือข่ายผู้บริโภคได้ ผมเชื่อว่าคงไม่มีบ้านไหนบริโภคของกันเป็นหมื่น ๆ บาทต่อเดือนหรอกนะครับ ยิ่ง 80000 นี่ยิ่งไปกันใหญ่ ธุรกิจพวกนี้อาจจะหลอกล่อให้คุณเข้าไปทำโดยสร้างฝันให้คุณคิดว่าจะได้รับรายได้ที่มากกว่ารายจ่ายกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว อาจด้วยการขายสินค้าที่มีอยู่นั้น เพื่อเอากำไร หรือชวนคนที่อยากรวยทางลัดมาลองดูต่อจากคุณอีกที ภาพเสียพวกนี้ ทำให้คนพูดกับปากต่อปาก ว่าธุรกิจเครือข่ายหลอกลวงได้ และผมเชื่อว่าหลายๆ คนที่อ่านอยู่อาจจะมีความคิดด้านลบ ๆ เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายอย่างนั้นอยู่บ้าง จำไว้นะครับ อย่าให้ใครมาสร้างฝันแทนคุณ และอย่าให้ความโลภเข้าครอบงำหลังจากอ่านทั้ง 3 ข้อนี้แล้วผมอยากให้ผู้อ่านลองคิดถึงฝันของตัวเองที่อยากได้หรืออยากเป็น และคิดว่าอะไรที่ทำให้ถึงความฝันของตัวเองได้ แล้วความฝันนั้นจะเป้นแรงผลักดันให้คุณเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองทั้งหมดเป็นวิธีการเลือกทำธุรกิจเครือข่าย ในมุมมองของผมเพื่อที่จะไปให้ถึงฝันของตัวเอง และเชื่อว่าผู้ที่ได้อ่านอยู่จะได้ประโยชน์ในการเลือกธุรกิจเครือข่ายที่จะเข้าร่วม ไม่มากก็น้อย หรือคนที่ปิดใจในธุรกิจได้อ่านแล้วอาจจะลองศึกษาดูบ้าง เพื่อเป็นโอกาสในการเริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณเอง เชื่อเถอะครับว่าการทำธุรกิจเครือข่าย ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจเอมสตาร์ แบบเปิดเผยทั้งหมดทั้งข้อมูล วิธีการทำงาน การสร้างเครือข่ายติดต่อผมได้
นักธุรกิจ Aimstar ธีรวุฒิ (หนุ่ม)
086-3542824, 089-6767671
E-mail & msn : kunnoom1@hotmail.com